วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

แรงบันดาลใจ




        สถานสงเคราะห์เด็กตามที่ต่างๆ มักจะมีเด็กอ่อนและเด็กเล็กที่รับสงเคราะ์ห์ เมื่อมีผู้ใจบุญเข้ามาช่วยเหลือในสถานสงเคราะ์ห์ บางคนอาจจะยังไม่รู้กฎหรือข้อห้ามต่างๆ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการรบกวนต่อเด็กบางคน จากที่กล่าวมาข้างต้นผมจึงมีความคิดที่จะทำป้ายสัญลักษณ์ เพราะป้ายสัญลักษณ์เป็นภาษาสากลที่เชื่อมโยงการสื่อสาร การรับรู้ ให้คนทุกเพศทุกวัย ว่าเมื่อเข้ามาแล้วควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดการรบกวนต่อเด็กบางคน

วันจันทร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Proposal_std


ข้อเสนอการวิจัยเพื่อขอรับทุนอุดหนุนการวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ประเภทนักศึกษา

ส่วน ก : ลักษณะทั่วไปของโครงการวิจัย
1. ปีการศึกษาที่เสนอขอรับทุน 2555
2. ประเภทการวิจัย
          (  ) การวิจัยสำรวจ        ( / )การวิจัยทดลอง     (  ) การวิจัยและพัฒนา
          (  ) การวิจัยสถาบัน      (  ) การวิจัยในชั้นเรียน  (  ) การวิจัยสิ่งประดิษฐ์
3. งบประมาณที่เสนอขอทุน 5,000 บาท
4. ระยะเวลาในการทำวิจัย 1 ปี

ส่วน ข : รายละเอียดการทำวิจัย
1. ชื่อโครงการวิจัย
          ชื่อโครงการวิจัย ศิลปะการออกแบบป้ายสัญลักษณ์ ชุด Mr. Blue : บ้านเฟื่องฟ้า พ.ศ. 2555

2. ชื่อผู้วิจัย/คณะผู้วิจัย
          นายวรมน   เทพรัตน์ 
รหัสประจำตัว  5311322191
สาขาวิชาศิลปกรรม (ออกแบบประยุกต์ศิลป์) 
ภาควิชามนุษยศาสตร์   คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์

3. ที่มาและความสำคัญของปัญหาการวิจัย
การสื่อสาร หมายถึง กระบวนการถ่ายทอดข้อมูลโดยผ่านช่องทางหรือสื่อระหว่างผู้ส่งและผู้รับ เพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน
การสื่อสารข้อมูล หมายถึง กระบวนการหรือวิธีการถ่ายทอดข้อมูลระหว่างผู้ส่งและผู้รับที่อยู่ห่างไกลกันด้วยระบบการสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunication) เป็นสื่อกลางในการส่งข้อมูล
ระบบการสื่อสารโทรคมนาคมจะส่งข้อมูลผ่านสื่อหรือตัวกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการรบกวนจากภายนอก โดยการเปลี่ยนข้อมูลเป็นสัญญาณหรือรหัส  เมื่อถึงปลายทางจะต้องถอดรหัส (สัญญาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) เพื่อให้ผู้รับเข้าใจข้อมูลที่ถูกส่งมาถึง
การประชาสัมพันธ์ มีความหมายตรงกับภาษาอังกฤษ คือ Public Relations
Public หมายถึง หมู่คน ประชาชน หรือสาธารณชน
Relations หมายถึง การสัมพันธ์
ดังนั้น ถ้าแปลความหมายแล้ว การประชาสัมพันธ์ (Public Relations) หมายถึง การสัมพันธ์กับคนหมู่มาก
(19 พฤศจิกายน 2555 จาก http://region3.prd.go.th/phrae/data/pr0.html)
ประเภทของสื่อที่ใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์ 
โดยปกติทั่วไปมีการแบ่งประเภทของสื่อกันไว้หลายประเภท และหลายหลักเกณฑ์ (criteria) ได้ประมวลสรุปไว้ดังนี้
1. แบ่งตามวิวัฒนาการ ได้แก่ สื่อประเพณี (traditional media) สื่อมวลชน (mass media) สื่อเฉพาะกิจ (specializedmedia)
2. แบ่งตามบทบาทหน้าที่ทางสังคม ได้แก่ สื่อข่าวสาร (information media) สื่อการศึกษา
(educationmedia) สื่อบันเทิง (entertainmentmedia)
3. แบ่งตามประสาทที่ใช้ในการรับสาร ได้แก่ สื่อโสต (audio media) สื่อทัศน์ (visual media)สื่อโสตทัศน์ (audio-visualmedia)
4. แบ่งตามบทบาทหน้าที่ทางเทคนิค (technical functions) ได้แก่ สื่อถ่ายทอดสาร transmissionmedia) สื่อบันทึกสาร (record media)
5. แบ่งตามเครื่องนำรหัสสาร ได้แก่ สื่อสิ่งพิมพ์ (print media) สื่ออิเล็กทรอนิกส์ (electronicmedia) สื่อบันเทิงเสียงหรือภาพ (film or tape)
สื่อที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
1. สื่อประชาสัมพันธ์ที่ควบคุมได้ (Controllable Media) ได้แก่
                   - สื่อสิ่งพิมพ์ Print Media)
                   - สื่อบุคคล (Personal Media)
                   - สื่อโสตทัศน์ (Audio-visual Media)
                   - สื่อกิจกรรมต่าง ๆ (Activity Media)
2. สื่อประชาสัมพันธ์ที่ควบคุมไม่ได้ (Uncontrollable Media)
                   - สื่อมวลชน (Mass Media)
สื่อสิ่งพิมพ์ (Print Media) 
สื่อประเภทสิ่งพิมพ์ (The Printed Words)
1.1 สื่อเพื่อการสัมพันธ์ภายในหน่วยงาน (House or Home Journal) เป็นหนังสือวารสารสิ่งพิมพ์ที่ใช้สื่อสัมพันธ์ในหน่วยงานให้รู้หรือเข้าใจและแจกจ่ายกันเฉพาะภายในหน่วยงาน
1.2 สื่อสัมพันธ์ภายนอกหน่วยงาน (External Publication) เป็นวารสารสิ่งพิมพ์ที่ใช้เพื่อสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานกับบุคคลภายนอกหน่วยงาน จัดทำรูปเล่ม ประณีต ใช้ถ้อยคำ สำนวน ภาษา เป็นทางการ การระมัดระวังมากกว่าหนังสือสัมพันธ์ภายใน
1.3 สื่อสัมพันธ์แบบผสม (Combination) เป็นการจัดทำสิ่งพิมพ์ สื่อสัมพันธ์ในลักษณะผสมใช้อ่านได้ ทั้งคนภายในและภายนอกหน่วยงานในเล่มเดียวกัน
การเตรียมสิ่งพิมพ์เพื่อการประชาสัมพันธ์ (Preparation for Publication) ก่อนจะทำสิ่งพิมพ์ควรมีการวางแผนให้เรียบร้อย การวางแผนที่ดีต้องคำนึงถึงสิ่ง 3 ประการด้วยกัน คือ วัตถุประสงค์ (Purpose) ผู้อ่าน (Reader) และรูปแบบ (Format) ในขณะเดียวกันจะต้องพิจารณาปัจจัยทั้ง 3 ประการนี้ร่วมกัน
1. วัตถุประสงค์ (Purpose) ก่อนที่จะทำหนังสือควรจะวางวัตถุประสงค์อย่างรอบคอบ เขียนวัตถุประสงค์และให้ผู้อ่านมีอำนาจอนุมัติและทำงานให้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
2. ผู้อ่าน (Reader) งานสำคัญอันดับแรกคือ ทำงานให้ได้ตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้และงานนั้นจะเป็นจริงได้ต้องคำนึงถึงผู้อ่านเป็นหลัก ผู้อ่านจะเป็นผู้ตัดสินผลงาน ถ้าเขารู้สึกซาบซึ้งกับหนังสือก็ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเขาไม่อ่านหนังสือเขาก็จะไม่ซาบซึ้ง ดังนั้น เราต้องตอบให้ได้ว่านิสัยในการอ่านหนังสือของเขาเป็นอย่างไร ตัวอย่างประเภทไหนที่จะดึงดูดความสนใจของเขา จะวางเค้าโครงเรื่องอย่างไรจึงจะเอาชนะใจเขาได้ ควรจะเป็นส่วนไหน เป็นต้น
3. รูปแบบ (Format) มีสิ่งพิมพ์ที่ไม่คำนึงถึงผู้อ่าน แล้วก็ไม่อยากที่จะวางรูปแบบ ควรกำหนดขนาดของหน้า จำนวนหน้า รูปภาพ มีการ์ตูนหรือไม่ และอื่น ๆ อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยในการกำหนดรูปแบบ คือ หาจุลสารที่มีวัตถุประสงค์เหมือนกัน และกลุ่มผู้อ่านเดียวกัน ลองอ่านและวิเคราะห์และลองวางรูปแบบซึ่งในการวางรูปแบบนั้นควรคำนึงถึงงบประมาณและเนื้อหาที่จะให้
สื่อสิ่งพิมพ์มีลักษณะต่าง ๆ คือ
1.1 หนังสือพิมพ์ (Newspaper)
1.2 วารสาร (Journal)
1.3 นิตยสาร (Magazines)
1.4 หนังสือรายงานประจำปี
1.5 หนังสือรายงานประจำงวด (Imperium Report)
1.6 จดหมาย (News Letter)
1.7 ป้ายประกาศและโปสเตอร์
          1.8 แผ่นพับ (Folder)
          1.9 เอกสารแจก
          1.10 จุลสาร (Booklet and Bulletin)
          1.11 ใบปลิว (Leaflet)
(19 พฤศจิกายน 2555 จาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=292121)
ระบบป้ายสัญลักษณ์ในประเทศไทย ปัจจุบันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการชี้นำทาง ตามความต้องการของคนส่วนใหญ่ แต่สถานที่บางแห่งซึ่งเป็นที่สำหรับเด็ก ก็ยังคงใช้ระบบป้ายสัญลักษณ์ ที่ใช้สื่อความหมายภาพสัญลักษณ์แบบเดียวกัน ซึ่งส่งผลต่อความเข้าใจความหมายของเด็ก และยังส่งผลต่อพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กอีกด้วย
(19 พฤศจิกายน 2555 จาก http://www.researchgate.net/publication/27805919__)
          ที่กล่าวมาข้างต้นจึงเป็นการยืนยันได้ว่า ป้ายสัญลักษณ์เป็นภาษาสากลที่เชื่อมโยงการสื่อสาร การรับรู้ ความเข้าใจแก่คนทุกเพศทุกวัยได้อย่างน่าทึ่งและมหัศจรรย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กพิเศษ หรือ "เด็กที่มีความต้องการพิเศษ" สำหรับสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพิการทางสมองและปัญญา (บ้านเฟื่องฟ้า) เป็นหน่วยงานของรัฐ รับผิดชอบเลี้ยงดูอุปการะเด็กอ่อนพิการทุกประเภททั้งชายและหญิงตั้งแต่แรกเกิดถึง 7 ปี นอกจากจะได้รับงบประมาณจากภาครัฐในการบริหารจัดการก็ไม่เพียงพอด้วยปริมาณเด็กที่ต้องเลี้ยงดูเพิ่มมากขึ้นจึงจำเป็นต้องมีการเปิดรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาเป็นสิ่งของเครื่องใช้สำหรับเด็กอ่อน ได้แก่ ข้าวสาร ผ้าอ้อมสำเร็จรูป แผ่นรองซับ เสื้อผ้าเด็ก นม จึงมีแนวคิดว่า การทำป้ายสัญลักษณ์ โดยออกแบบดีไซน์รูปแบบ เพื่อให้บุคคลภายนอกเมื่อเข้ามาแล้วสามารถเข้าใจได้ว่าเมื่อเข้ามาแล้วควรจะปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความรบกวนต่อเด็ก ๆ เหล่านี้

4. วัตถุประสงค์การวิจัย
4.1 เพื่อผลิตต้นแบบเหมือนจริง (PROTOTYPE) ของศิลปะการออกแบบป้ายสัญลักษณ์เพื่อสถานสงเคราะห์บ้านเฟื่องฟ้า ชุด Mr. Blue ที่จัดทำเป็นงานวิจัย
          4.2 เพื่อศึกษากระบวนศิลปะการออกแบบป้ายสัญลักษณ์ ชุด Mr. Blue

5. สมมติฐานการวิจัย (ถ้ามี)

6. นิยามศัพท์เฉพาะ
เด็กพิเศษ (Special Child) มาจากคำเต็มว่าเด็กทีมีความต้องการพิเศษ(Child with Special Needs ) หมายถึง เด็กกลุ่มที่ต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือเป็นพิเศษมากกว่าเด็กทั่วๆไปทั้งในด้านการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ และการเข้าสังคม ซึ่งนายแพทย์ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา(จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น)ได้แบ่งเด็กพิเศษเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ดังนี้ เด็กที่มีความสามารถพิเศษ เด็กที่มีความพกพร่อง และสุดท้ายเด็กยากจนและด้อยโอกาสแต่ในการศึกษาปัญหาการวิจัยโครงการวิจัย ศิลปะการออกแบบชั้นวางของเพื่อเด็กพิเศษ จะหมายถึงเด็กพิเศษที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนทางสมองและปัญญาหรือที่รู้จักกันในนาม บ้านเฟื่องฟ้า ซึ่งรับผิดชอบเลี้ยงดูเด็กอ่อนพิการทุกประเภททั้งชาย และ หญิง อายุแรกเกิดถึง 7 ปี
          สีน้ำเงิน (Blue) เป็นสีแห่งท้องฟ้าและมหาสมุทร สีน้ำเงินเป็นสีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอีกสีหนึ่ง มีส่งผลให้เกิดความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกับสีแดง สีน้ำเงินที่สงบเยือกเย็นทำให้ร่างกายผลิตสารเคมีที่ทำให้อารมณ์สงบลงได้ มันจึงมักจะถูกใช้ในห้องนอน สีน้ำเงินยังอาจเป็นสีแห่งความเย็นชาและทำให้ใจห่อเหี่ยวได้ด้วย ผู้ให้คำปรึกษาด้านแฟชั่นแนะนำให้สวมชุดสีน้ำเงินไปในการสัมภาษณ์งานเพราะมันเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์จงรักภักดี คนเราทำงานได้ดีในห้องสีน้ำเงิน จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า นักยกน้ำหนักสามารถยกได้หนักขึ้นในห้องสีน้ำเงิน

7. ขอบเขตการวิจัย
7.1  แบบร่าง (IDEA SKETCH)
          7.2  แบบที่ทำการสรุป (CONCEPT SKETCH)
          7.3  แบบเพื่อนำไปผลิต (WORKING DRAWING หรือ ART WORK) 
          7.4  ต้นแบบเหมือนจริง (PROTOTYPE)
          7.5  รายงานการวิจัยจำนวน 3 ฉบับ 
          7.6  ซีดีรายงานการวิจัยจำนวน 1 ชุด

8. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
8.1  กระบวนการออกแบบศิลปะการออกแบบป้ายสัญลักษณ์เพื่อสถานสงเคราะห์ ชุด Mr. Blue
          8.2  การให้ความร่วมมือจากบุคคลภายนอกเพราะเข้าใจในความหมายของป้ายสัญลักษณ์
          8.3  เอื้อเฟื้อต่อสังคม

9. การทบทวนวรรณกรรมและเอกสารอ้างอิง
9.1.1  การออกแบบลวดลาย
          เนื้อหาที่เกี่ยวข้องก็คือ การรู้จักคิด วางแผน ในการสร้างสรรค์สิ่งที่มีอยู่แล้วนำมาปรับปรุง ดัดแปลงแก้ไข หรือสร้างสรรค์ใหม่โดยใช้วิธีการต่างๆ ทำให้เกิดความงาม เพื่อการประดิษฐ์ตกแต่งใหม่ให้เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอย (เอมอร วิศุภกาญจน์,2542 : 2)
          9.1.2  หลักการใช้สี
           เนื้อหาที่เกี่ยวข้องก็คือ สีมีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับมนุษย์เป็นอย่างมากในด้านของการรับรู้ อารมณ์ความรู้สึก การที่เราจะกำหนดสีลงในลวดลาย ผู้ออกแบบควรรับรู้หลักการใช้สีเพื่อจะได้กำหนดสีได้ถูกต้อง เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ และประโยชน์ใช้สอยอีกด้วย
(ดุษฎี  สุนทรารชุน,2531 :107)
9.1.3  หลักการใช้สีประกอบร่วมแบบวรรณะ (TONE)
                      เนื้อหาที่เกี่ยวข้องก็คือ สีเราจะนำมาระบายนั้นส่วนใหญ่มักจะใช้สีประกอบร่วมแบบ       แล้วแต่จุดประสงค์ของผู้ที่ทำการออกแบบที่จะมุ่งที่ทำให้ผู้ดูเกิดความรู้สึก ไปในทางร้อนหรือ เย็น หรืออีกทางหนึ่งก็คือทำให้เกิดการผสมผสานและกลมกลืนกัน การใช้สี ประกอบร่วม        วรรณะจะไม่ใช้วรรณะใดวรรณะหนึ่งโดดเดี่ยว โดยกำหนดหลักการใช้สีไว้ ในอัตรา           50/50,60 /40,80/20 (คนึง จันทร์ศิริ:มปป.)

10. ระเบียบวิธีวิจัย
10.1 ประชากร
                   กลุ่มผู้บริโภค Generation จำนวน ........... คน
          10.2 การสุ่มตัวอย่าง
                   ใช้การสุ่มแบบง่าย ตามสูตรยามาเน
จากนั้นจึงกำหนดกระบวนการตามกรอบการวิจัย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
10.2.1 ขั้นตอนการวางแผนก่อนการผลิต  (PRE-PRODUCTION)
- กำหนดประเด็นของปัญหา  ตัวแปรต้น  และตัวแปรตาม  เพื่อตั้งสมมติฐาน
- จัดทำแบบร่าง  (IDEA  SKETCH)  และทำการสรุปแบบตามสมมติฐาน (CONCEPT  SKETCH)
10.2.2 ขั้นตอนการผลิต  (PRODUCTION)
                   - แสดงกระบวนการผลิตต้นแบบเหมือนจริง
10.2.3 ขั้นตอนหลังการผลิต  ( POST  PRODUCTION)
- ประเมินผลด้วยเครื่องมือที่สร้างไว้โดยมีความสัมพันธ์กับลักษณะของประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
- วิเคราะห์ข้อมูลและรายงานผลการวิจัยในรูปแบบความเรียง
          10.3  เครื่องมือในการวิเคราะห์มูล
                    - แบบสอบถามความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์
                    - แบบสัมภาษณ์
          10.4  การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้
                    - วิเคราะห์โดยการหาค่าเฉลี่ย ( X ) จากร้อยละ

11. แผนการดำเนินงานตลอดโครงการ
กิจกรรม
พ.ย. 55
ธ.ค. 55
ม.ค. 56
ก.พ. 56
หมายเหตุ
1. การวางแผนก่อนการผลิต
    - ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูล
    - แบบร่าง
    - สรุปแบบร่าง





2. กระบวนกานผลิต
    - สรุปแบบ





3. กระบวนการหลังการผลิต
    - ทดสอบสมมติฐาน
    - วิเคราะห์ข้อมูล
    - แปรผล
    - เรียบเรียงรายงานวิจัย






12. รายละเอียดงบประมาณ
          หมวดค่าตอบแทน
ลำดับ
รายการ
ราคาต่อหน่วย
จำนวน
รวมเงิน
หมายเหตุ
1
ค่าจ้างพิมพ์
10 บาท
200 แผ่น
2,000 บาท

2
ค่าจ้างปริ้นสี
5 บาท
200 แผ่น
1,000 บาท


รวมเป็นเงิน
สามพันบาทถ้วน


3,000 บาท


          หมวดค่าใช้สอย
ลำดับ
รายการ
ราคาต่อหน่วย
จำนวน
รวมเงิน
หมายเหตุ
1
แผ่นป้ายอลูมิเนียม

















          หมวดค่าวัสดุ
.

ลงชื่อ.....................................................
                                                                                              (นายวรมน  เทพรัตน์)